วันนี้มีเรื่องฮามากๆมาเล่าให้ฟัง
ก่อนอื่นขอท้าวความนิดนึงว่า ที่ภาควิชา jazz studies จะมีอาจารย์ประจำแต่ละเครื่องมือ
สำหรับ saxophone จะมีอาจารย์อยู่สองคน คือ Eric Nestler สำหรับ classicle และ James Riggs
สำหรับ jazz saxophone
Nestler จะออกเกย์หน่อยๆ แต่ใจดี ให้ความรู้สึกเป็นกันเองมาก
ดังนั้นเวลาที่ต้องเล่นต่อหน้า Nestler จะไม่มีความกังวล เล่นได้ตามปรกติไม่เกร็ง ไม่เครียด
คือรู้สึกว่าเค้าต้องการช่วยเราพัฒนาจริงๆ
เคยไปขอลงเรียน skill กับเค้าครั้งนึงเมื่อ summer ที่แล้วรู้สึกดีมากเลย
ผิดกับ James Riggs ตาคนนี้จะเป็นคนคุม jazz saxophone ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น audition ต่างๆ
สอบ jurries ตอนสิ้นเทอมและยังเป็นคนคุม 2 O’Clock Lab Band อีกด้วย
(สมาชิกที่เล่นในวงนี้ก็ถือได้ว่ามีฝีมือเป็นกลุ่มที่สองของมหาลัย รองจาก 1 O’Clock Band)
ลูกศิษย์ที่ได้เรียนกับเค้าจะมีอยู่ประมาณสิบกว่าคน (จากจำนวนนักเรียน saxohpone เป็นร้อย)
ที่เหลือจะได้เรียนกับ TF ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของ Riggsอีกที
ดังนั้นคนที่อยู่รอบๆตัว James Riggs จะเป็นนักเรียนระดับหัวกะทิทั้งนั้น
ที่สำคัญ ตาคนนี้รังสีอำมหิตแรงมาก จำได้เลยครั้งแรกที่โผล่เข้าไปเล่น audition ตอนเทอมแรกที่มาถึง
โดนตา Riggs ตวาดใส่ ประมาณว่า เอ็งมาอยู่นี่ได้ไง ฝีมือมีแค่นี้เหรอ… !!
เหมือนเป็น first impression นะ หลังจากนั้นมา ทุกครั้งที่ต้องเล่นต่อหน้า Riggs เราจะประหม่ามาก
จำได้ว่าเทอมหลังจากนั้นนี่ เครียด + กังวล + ประหม่ามาก ถึงกับมือสั่นเลยนะ จริงๆ ไม่ได้โม้
แถมยังเคยมีคดีเมื่อครั้งเรียน improvisation I คงเป็นเพราะปัญหาเรื่อง Tone & Time ของเรานั่นล่ะ (Refered โพสเมื่อ April 02)
พอสอบ mid term เสร็จอาจารย์ที่สอนเลยเรียกเราไปคุย แล้วถามว่าเรียน lesson กับใคร
(แต่ตอนนั้นอาจารย์ก็ไม่ได้บอกนะว่าอะไรที่มันผิดปรกติต้องแก้ไข เราก็ไม่รู้จะทำไงให้มันดีขึ้นเหมือนกัน ในตอนนั้น)
บังเอิญเทอมนั้นเราไม่ได้ลง private lesson ด้วยซึ่งปรกติ Riggs จะถือเป็น big deal มาก ว่าต้องลงเรียน private lessonอาจารย์ที่สอน improv I เลยเอาไปฟ้อง Riggs…. เป็นเรื่องเลยครับทีนี้
Rigg เรียกเราเข้าไปปิดห้องคุย.. ถามว่าเรียนจบอะไรมา มาเรียนอะไรที่นี่ เรียนจบแล้วจะไปทำอะไร
แล้วบอกว่า jazz เนี่ย ยากนะจะเรียนไปทำไม… เลิกดีมั๊ย… bra bra bra…
แล้วขอบอกก่อนเลย เป็นที่รู้กันในหมู่นักเรียน jazz ว่า Riggs เป็นคนที่แปลกอย่าง คือถ้าติดภาพแบบไหนกับนักเรียนคนไหน ก็ยากที่จะเปลี่ยนภาพพจน์ในสายตาเค้าได้
(ทำไมอาจารย์โรงเรียนนี้มันเป็นอย่างนี้กันหมดก็ไม่รู้ อาจารย์สอน arranging เราก็อีกคน รายนั้นใช้เวลาตั้งหลายเทอม กว่าจะหลุดพ้นจากมุมมืดมาได้ แต่ไว้วันหลังค่อยเล่า)
ถึงเทอมหลังๆ Riggs อาจจะรู้ว่าเราเป็นโรคกลัวเค้าขึ้นสมองเลยพยายามทำตัวกันเองมากขึ้น แต่เราก็ยังหลอนทุกครั้งที่ต้องเล่นต่อหน้าเค้าอยู่ดี
ถ้าอ่านจนถึงตรงนี้ คงพอจะเห็นภาพแล้วว่าความสัมพันธ์ของเรากับ Riggs เป็นยังไง
เอาล่ะ… ร่ายมายาวแล้ว ถึงเรื่องฮาที่จะเล่าละ
คือปรกติเราจะเล่นดนตรีที่ร้านอาหารไทยทุกวันเสาร์ แล้วพี่โต้ง (my roommate) จะทำงานที่นั่นอยู่ ทั้งวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์
พี่โต้งเคยเล่าให้ฟังว่า Riggs ชอบมากินอาหารที่ร้านตอนเย็นวันศุกร์ ยังเคยแซวๆเล่นกันเลยว่าเกิดถ้า Riggs มาวันเสาร์ตอนเราเล่นอยู่จะทำยังไง เรายังพูดเล่น (กึ่งจริง) กลับไปว่า คงแพคของกลับบ้านทันที 5555
ในใจก็นึกว่ามันคงไม่เกิดขึ้นหรอก เค้าคงแวะมากินหลังเลิกงานวันศุกร์ แต่คงไม่ถ่อออกจากบ้านมากินตอนวันเสาร์
แต่แล้วมันก็เกิดขึ้น !!!
เวลาประมาณ 7:45pm
ขณะที่เรากำลังเปล่า blues head เพลง Now’s The Time
พี่โต้งก็ตะโกนเข้ามาบอก
“แบงค์!! โจทย์มา!!”
ไอ้เราก็คิดในใจว่าใครเหรอออออ (โปรดอ่านแบบ slow motion) ขณะเดียวกันก็หันไปมองที่ประตูทางเข้าร้าน
เห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังเดินเข้ามา
สมองประมวณผลอย่างรวดเร็วระหว่างโน้ตที่กำลังเล่น และภาพของชายร่างใหญ่
ใส่สูตรที่กำลังเดินเข้ามา…..
สิ้นเสียง melody ของ Now’s The Time ตอนนี้ the time has comeeeeee…..
นัยตาเบิกกว้าง อ้าปากค้างอย่างไม่รู้ตัว เสียง saxophone ค่อยๆเบาลงจนไม่ได้ยินอีกต่อไป
James Riggs ค่อยๆเปิดประตูเดินเข้ามาในร้าน!!!
โอ้ววว พระเจ้าจอร์จ…. มันเป็นอะไรที่ สุดยอดมากเลย(โปรดอ่านแบบ อาฉี เสียงหล่อ)
พอ Riggs เดินเข้ามาในร้านเห็นเรา (นึกสภาพตอนนั้นเรายืนตัวแข็งทื่อไปแล้ว) Riggs ก็ยืนท้าวเอวประมาณว่า
ฮึ่ม… นั่นมันไอ้ Mr.Karn นี่หว่า
แล้วต่อด้วยท่าแบะมือออกข้างลำตัว ประมาณว่า ….
Oh! How come your are here. What’s a surprise!!
ถึงตอนนั้น Mr.Karn ก็หัวเราะแก้เขิน แล้วพยักหน้าทักทาย นึกในใจ
ช่วยด้วย…นู๋อยากกลับบ้านนนนนนน
ไอ้เพื่อนที่เล่นด้วยอีกสองคนตอนแรกมันยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เพราะมัวแต่ก้มหน้าก้มตาเล่นอย่างเมามัน
พอเห็นเราหยุดเล่นมันเลยหันมามองมาเกิดอะไรขึ้น
Mr.Karn เลยกลับบ้านไม่ได้ เพราะถ้าเก็บของกลับบ้านตอนนั้น เพื่อนมันคงเลิกคบ
สรุปวันนั้นก็เลยเล่นแบบหลอนๆ แต่เหล่าคณาจารย์ที่มากับตา Riggs ก็ปรบมือให้กำลังใจทุกเพลง
แถม Riggs ยังปรบมือให้กับ solo ของเราในเพลง All The Thing You Are ด้วยนะ
พูดถึงเพลงนี้ ก็มีความหลังอีกนั่นล่ะ เพราะมันเป็นเหมือนกึ่งๆเพลงบังคับ
เราเคยใช้เพลงนี้ตอนสอบ ICE ครั้งแรก (แล้วไม่ผ่าน)
สาเหตุเพราะตอนที่เล่นเพลงนี้ชำเรืองตาไปมอง Riggs
เห็นกำลังเขียนอะไรไม่รู้ใหญ่เลยลงไปในใบ comment เขียนไปส่ายหัวไป
ไอ้เราก็หลอนสิ เลยเล่นหลุดไปตั้งหลายห้อง
สุดท้ายพอเค้ากินกันเสร็จ ก็ได้เวลาเราเลิกเล่นพอดี
เลยเดินเข้าไปคุย ทักทาย Riggs ก็บอกว่า enjoy your music
(สงสัยคงพูดตามมารยาทหรือเปล่าหว่า)
แล้วก็ถามใหญ่เลยว่าเล่นมานานหรือยัง เล่นวันไหน กี่โมง
ไม่รู้เค้าถามเผื่อวันหลังจะได้ไม่มาหรือเปล่า 5555
แต่ใครจะรู้ Riggs
อาจจะกะดัดหลังเราด้วยการมานั่งดูเราเล่นบ่อยๆก็ได้….
แค่คิดก็เสียวแล้วเนี่ย… บรื๋อออ ขนลุก
ไปซ่อมก่อนดีก่า เดี๋ยวเผื่ออาทิตย์นี้ตา Riggs มานั่งกินข้าวอีก….
คิดแล้วหลอน….