หลังจากไม่ได้เขียนมานาน

“เป็นนักรบ ต้องมีบาดแผล”
คำขวัญประจำใจชายชาตินักรบทั้งหลาย พึงจำใส่ใจเอาไว้
“หากนักรบใดไม่มีบาดแผล แปลว่าไม่เคยกรำศึก หมายความว่านักรบผู้นั้น ยังอ่อนด้อยประสบการณ์ ยังไม่เป็นนักรบอย่างแท้จริง” …..
จำไม่ได้แล้วเหมือนกันว่าข้อความข้างบนไปจำมาจากไหน อาจจะเป็นการ์ตูนเรื่องไหนสักเรื่องนึง
แต่ข้อคำพูดนี้ก็จริง และประยุคต์ใช้ได้กับหลายๆเรื่องราวในชีวิต
หมายถึงคนเราต้องกล้าที่จะลงมือทำ เหมือนการลงไปต่อสู้ในสนามรบ ไม่เข้าถ้ำเสือ ไม่ได้ลูกเสือ อะไรประมาณนั้น
ถ้าไม่ลงมือทำ ก็ไม่มีประสบการณ์แล้วก็จะทำไม่ได้สักที
ถ้าปิ๊งสาวแต่ไม่ลงมือจีบ เมื่อไหร่จะได้สาวมาเชยชม…
อย่างที่เค้ามีคำว่ากันว่า “อกหักดีกว่ารักไม่เป็น”  ก็อยู่บนพื้นฐานของ concept นี้เหมือนกัน
“เป็นนักรบต้องมีบาดแผล…
แต่ตอนนี้เราพบนักรบคนหนึ่งสาหัสปางตาย ไม่รู้จะรอดหรือเปล่า”
นี่คงเป็นอาการของนักดนตรีคนหนึ่งในช่วงเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่ช่วงหนึ่งสัปดาห์หลัง Thanks Giving
musical soul ของนักรบแห่งเสียงเพลงคนนี้บอบช้ำอย่างหนักจากการต่อสู้มาเป็นเวลานาน และเหมือนจะพ่ายแพ้ในที่สุด
ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยใดๆก็แล้วแต่ สำหรับเค้า… แพ้ก็คือแพ้
การพูดหาเหตุผลต่างๆมาประกอบ ก็มีค่าแค่คำปลอบใจสำหรับผู้แพ้เท่านั้น
การถอยหลังไม่เคยเป็นตัวเลือกของนักรบหนุ่ม นี่เป็นครั้งแรกที่เค้าถึงทางตัน
ถึงจุดที่เค้าต้องยอมรับว่า ขณะนี้ ดาบของเค้าไม่คมพอที่จะตัดก้อนหินใหญ่ให้ขาดเป็นสองท่อนได้
ถึงกระนั้น หนทางข้างหน้าของนักรบคนนี้ก็ดูเหมือนจะไม่อนุญาติให้เค้าวางดาบได้  เค้ายังคงต้องใช้เพลงดาบที่ไม่สุดยอดอยู่ต่อไป ….
ถึงเค้าจะรู้สึกว่า
“เมื่อเพลงดาบของเราไม่สุดยอด จะมีประโยชน์อะไรที่จะจับดาบต่อไป”
แต่ผู้คนก็ยังมองเค้าเป็นนักรบผู้ใช้เพลงดาบแห่งเสียงดนตรีเป็นอาวุธอยู่ดี
แต่เอานะ  ถึงตอนนี้มันจะไม่สุดยอด  แต่หากใช้ไปเรื่อยๆ สักวันหนึ่ง ดาบนี้คงจะคมขึ้นขนาดตัดก้อนหินใหญ่ให้ขาดเป็นสองท่อนได้…