Love me love my dog

เคยถามตัวเองบ้างมั๊ยว่าอะไรคือความมั่นคงในชีวิต ใช่ชื่อเสียง เงินทองหรือเปล่า แล้วในเรื่องความรักล่ะ อะไรคือความมั่นคงในการจะให้คนสองคนมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ใช่ความรักอย่างเดียวหรือเปล่า… หลายๆคนคงมีความเชื่อแบบมองโลกในแง่ดีว่าแค่ความรักอย่างเดียวก็เพียงพอใน การจะทำให้ชีวิตคู่ประสบความสำเร็จในขณะที่อีกหลายๆคนไม่เชื่อเช่นนั้น ความรักออกแบบไม่ได้เหมือนอย่างชีวิตคนเราที่บางครั้งก็ออกแบบไม่ได้เช่นกัน

คนเราจะรักกันไม่ต้องใช้เหตุผลแต่เมื่อต้องการจะอยู่ด้วยกัน สิ่งต่างๆรอบๆตัวเราเริ่มบีบบังคับและกลายเป็นปัจจัยที่ต้องเอามาคิดเอามา เป็นเหตุผล และเงินก็ดู เหมือนจะเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด เป็นที่มาของเหตุผลต่างๆสุดแล้วแต่ที่จะคิดหามาได้

มีคนจำนวนไม่น้อยที่ตัดสินใจแต่งงานอยู่กินกันบนพื้นฐานของ เงิน
ผู้หญิงจำนวนไม่น้อยรักเงินในกระเป๋าของผู้ชาย ก่อนที่จะรักในตัวผู้ชายคนนั้น เรียกว่าเงินถึงถ้าหน้าตาไม่ขี้เหร่เกินไปฉันก็รักเธอได้
ถ้าอย่างนั้นรักคืออะไร ?? เวลาคนสองคนบอกรักกัน… เค้าหมายถึงอะไร?? หรือเราเข้าใจผิดไปเอง หรือเวลาคนบอกรักกันเค้าหมายถึงรักสิ่งของนอกกายไม่ได้หมายถึงตัวและ หัวใจ(จิตใจ)ของอีกฝ่าย

มีแนวความคิดหนึ่งที่ได้ยินมาแล้วรู้สึกว่าโดนใจอย่างแรง เค้าบอกว่า “วันนี้รัก…พรุ่งนี้จะรักหรือเปล่าก็ไม่รู้ ความรักเป็นสิ่งไม่แน่นอน แต่ตัวเลขที่อยู่ในบัญชีเป็นอะไรที่แน่นอนกว่า จะหย่าจะเลิกกันอย่างน้อยเงินในบัญชีก็ยังอยู่ แล้วก็คงถูกแบ่งเข้ากระเป๋าของทั้งสองฝ่ายเมื่อเลิกกัน… อันนี้ของชัวว์”

เป็นแนวความคิดที่ไม่เคยนึกถึงมาก่อนจริงๆ แต่ก็เข้าใจว่าคงมีหลายคนที่คิดแบบนี้กันมานานแล้วไม่งั้นผู้หญิงคงไม่มองหา ผู้ชายที่มั่นคงเวลาแต่งงานและความมั่นคงนั้นก็หมายถึงเงิน (บางคนอาจจะบอกว่าเรื่องหน้าที่การงานด้วย แต่นั่นก็คือที่มาของเงินอยู่ดี) เราอยู่ในโลกของวัตถุนิยมก็คงต้องยอมรับว่ามันเป็นอย่างนี้ อะไรคือเกณตัดสินความถูกผิดในเมื่อวิธีประชาเค้าเป็นกันอย่างนี้ หากเรารับไม่ได้เราก็คงต้องเรียกว่าเป็นคนที่เกิดมาผิดยุค

คนเรายิ่งโตขึ้นก็ยิ่งผูกพันธ์กับภาระหน้าที่และบทบาททางสังคมมากขึ้น แน่นอนรวมถึงอาชีพของคนคนนั้นด้วย ดังนั้นหากเราจะรักใครสักคนเราก็ควรที่จะรักและยอมรับในสิ่งที่เค้าทำด้วย มันเหมือนของที่อยู่คู่กันระหว่างตัวบุคคลกับบทบาทในสังคม คนนี้เป็นนักดนตรี คนนั้นเป็นหมอ นักการเงิน นักกฏหมาย เป็นอะไรก็แล้วแต่ ถ้ารักคุณหมอแต่ไม่ชอบที่หมอต้องออกเวรดึกๆ คลุกคลีกับคนป่วยอย่างนี้คงอยู่ด้วยกันยาก และคงยากยิ่งกว่าถ้าไม่เข้าใจด้วยว่าหมอต้องไปออกเวรดึกๆทำไม ให้พยาบาลดูแลคนป่วยแทนไม่ได้เหรอ?

คงต้องใช้เวลาและอะไรอีกหลายๆอย่าง กว่าที่คนคนหนึ่งจะพูดออกมาได้เต็มปากว่า “ฉันรักเธอและพร้อมจะเดินร่วมทุกข์ร่วมสุขกันไป”

วันนี้ขอจบด้วย quote ที่ไปขโมยมาจาก blog ของเพื่อนคนหนึ่ง คิดว่าน่าจะพอเข้ากับโพสในวันนี้ได้

Ingredients of joy

“Risk-taking, trust, and serendipity are key ingredients of joy.
Without risk, nothing new ever happens.
Without trust, fear creeps in.
Without serendipity, there are no surprises.”

สุดท้ายอยากจะเสริมว่า
Joy is an ingredient of love, LOVE without joy is the love that could never happen.