Early Period
ยุคกลาง
Medieval (500 – 1400)
ดนตรีในยุคกลางเกิดขึ้นหลังการล่มสลายของจักรวรรดิ์โรมันและสิ้นสุดในช่วงปลายศตวรรษที่ 15 ไปพร้อมกับความเสื่อมอำนาจของศาสนจักร ดนตรีในยุคนี้ถือเป็นรากฐานของดนตรีตะวันตก มีจุดเริ่มจากดนตรีสรรเสริญพระเจ้าในโบสถ์ เพลงสวดเพื่อใช้ในพิธีกรรมต่าง ๆ
รูปแบบของดนตรีในยุคนี้ที่ควรศึกษาได้แก่ Gregorian chant, Ars nova, Organum, Motet, Madrigal, Canon (music) and Ballata
ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา
Renaissance (1400 – 1600)
ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา คือยุคที่ผู้คนเริ่มหลุดพ้นจากการครอบงำของศาสนจักร และเริ่มหันมาสนใจฟื้นฟูความรู้ศิลปวิทยาการจากยุคกรีกโรมัน ยุคนี้เริ่มมีการประดิษฐ์และค้นพบความรู้ใหม่เพิ่มมากขึ้นบนฐานความคิดที่ให้ความสำคัญกับความเป็นมนุษย์มากขึ้นกว่ายุคก่อนซึ่งทุกอย่างเป็นไปเพื่อสรรเสริญบูชาพระเจ้าเพียงเท่านั้น ในยุคนี้มีความเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างทางสังคมและสิ่งที่ส่งผลกระทบกับความเจริญก้าวหน้าของยุคนี้อย่างมากคือการคิดค้นระบบการพิมพ์ ซึ่งช่วยให้การพิมพ์เผยแพร่โน้ตเพลงเพื่อการค้าและการเผยแพร่ในวงกว้างเป็นไปได้ ส่งผลให้ดนตรีเริ่มเข้าถึงผู้คนทั่วไปมากขึ้น
ลักษณะเด่นของดนตรีในยุคฟื้นฟูศิลปวิทยานี้คือ
- ดนตรีประพันธ์บนพื้นฐานการใช้โหมด
- รูปแบบการประสานเสียงที่มี 4 แนว หรือมากกว่า
- เสียงประสานมีความกลมกลืน
- การลื่นไหลของคอร์ดในเสียงประสานได้รับการใส่ใจมากกว่ายุคก่อนหน้า
รูปแบบของดนตรีในยุคนี้ที่ควรศึกษาได้แก่ mass, motet, madrigale spirituale, and laude.
ยุคบาโรค
Baroque (1600 – 1760)
ในตอนปลายของยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาดนตรีถูกประดับประดาด้วยการปรุงแต่งเสียงประสานและท่วงทำนองมากมาย ศิลปะบาโรคคือผลลัพธ์ที่แสดงออกในทางตรงข้ามด้วยการเน้นระเบียบแบบแผนและเรียบง่าย ถือเป็นยุคที่มีความสำคัญเป็นรากฐานของรูปแบบดนตรีตะวันตกที่สำคัญมาก การศึกษาเสียงประสานจนเกิดเป็นวิชาฮาร์โมนี่ (Harmony) ก็เกิดขึ้นในยุคนี้เอง เช่น การใช้ figure bass มีการพัฒนารูปแบบการเขียนโน้ต และเทคนิกการเล่นเครื่องดนตรีเพื่อใช้ในการแสดง มีการพัฒนารูปแบบวงดนตรีทั้งขนาดเล็กขนาดใหญ่ เช่น chamber music และอื่น ๆ
คีตกวีที่มีความสำคัญในยุคนี้ได้แก่ Johann Sebastian Bach, George Frideric Handel, Alessandro Scarlatti, Domenico Scarlatti, Antonio Vivaldi, Georg Philipp Telemann, Jean-Baptiste Lully, Arcangelo Corelli, François Couperin, Denis Gaultier, Claudio Monteverdi, Jean-Philippe Rameau, Johann Pachelbel, และ Henry Purcell.
รูปแบบของดนตรีในยุคนี้ที่ควรศึกษาได้แก่ opera, cantata, oratorio, concerto, และ sonata